top of page
  • Musician Times

"การแต่งเพลง คือการสวมเสื้อที่เหมาะที่สุดให้กับนักร้องครับ", นักแต่งเพลง Park Geun Tae ①

최종 수정일: 2020년 12월 1일


"ผมจะแต่งเพลงโดยที่ไม่เลือกแนวเพลงเป็นหลัก

แต่ผมจะให้เสียงของนักร้องเป็นเจ้าของของเพลง จากนั้นค่อยเลือกแนวเพลงและทำนองครับ"



ผมไม่ได้แต่งโดยการเน้นแนวเพลง หรือเรฟเฟอเร้นเป็นพิเศษ แต่แต่งด้วยจินตนาการต่างๆ พร้อมกับเสียงใสๆ ของนักร้องเป็นพื้นหลังครับ ผมได้รวมสิ่งประกอบที่สำคัญเช่น ความรู้สึกที่ได้จากเสียง ระดับเสียงที่เหมาะกับนักร้องที่สุด และการเรียบเรียงเพลงครับ ฉะนั้นการแต่งเพลงสำหรับศิลปินแบบโดยเฉพาะของผมคือ การแต่งเพลงที่ตั้งเสียงของนักร้องให้เป็นเจ้าของของเพลง แล้วเริ่มแต่งเพลงครับ



Park Geun Tae นักแต่งเพลงที่ยอดเยี่ยมที่สุดในเกาหลี

เพลงดนตรีไม่ได้โน้มน้าวใจด้วยทำนองเท่านั้น แต่มันประกอบด้วยเสียงร้องเพลงของศิลปิน และเนื้อเพลงนั่นเอง ซึ่งเมื่อเราฟังถึงพลังของเสียงที่นักแต่งเพลง Park Geun Taeได้กล่าวไว้ จะทำให้เราเข้าใจความหมายนี้ได้อย่างลึกล้ำ

จนถึงวันนี้ Park Geun Tae ได้แต่งเพลงมาทั้งหมด 375เพลง เช่น 'Roo’Ra- 100th day SECHSKIES- The Way This Guy Lives', 'ECO- Happy Me', 'Yoon Mi Rae- As Time Goes By', 'Baek Ji-Young- I Won’t Love', 'Jewelry- I Really Like You', 'S#ARP- My Lips…Like Warm Coffee', SG Wannabe- Timeless', 'Lee Sun Hee- Meet Him among Them', 'Oak Joo Hyun- I', 'Lee Hyori- Anymotion', 'IVY- Sonata Of Temptation', Shinhwa- Brand New', 'Davichi- I Made An Accident', 'Suzy& Baekhyun- Dream' ฯลฯ ที่ฮิตกันทั่งประเทศ

ที่สำคัญ Park Geun Tae เป็นที่ยอมรับอย่างยิ่งในด้านเพลง ผลงาน สังคมด้วยหลักปรัชญาที่ตนเองมี จึงได้แต่งแนวเพลงอย่างหลากหลายตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 จนถึงวันนี้และเป็นที่รักของผู้ฟังเสมอด้วย

ซึ่งครั้งนี้ Musician Times ได้มีโอกาสคุยกับ Park Geun Tae ที่กล่าวว่าชีวิตในวงการเพลงมันเปรียบเสมือนการวิ่งมาราธอน ฉะนั้นจะต้องศึกษาเรียนรู้ไปเรื่อยๆ



Q1. คุณเขียนเพลงฮิตได้เยอะมากจนไม่มีรุ่นไหนที่ไม่เคยฟังเพลงของคุณเลยค่ะ สำหรับคุณการแต่งเพลงคือหน้าที่อะไรคะ


การที่นักแต่งเพลงเขียนเพลงทั้งๆที่ไม่ร้องเอง มันเหมือนกับการผลิตเสื้อผ้าออกมาครับ ถ้ามีนักร้องคนๆ นึง เขาก็คงมีรูปร่างที่แตกต่าง และบรรยากาศในตัวของเขาก็ไม่เหมือนใคร แต่มันต้องมีเสื้อที่เหมาะ และเป็นแสงสว่างในตัวเขาอย่างแน่นอนครับ ดังนั้นผมคิดว่าการแต่งเพลงคือ การสวมเสื้อผ้าที่เหมาะสมที่สุดให้กับนักร้องโดยเน้นจุดโดดเด่น และข้อดีของนักร้อง เพื่อช่วยให้เขาเปล่งประกายได้ครับ


Q2. คุณเป็นโปรดิวเซอร์ที่มีชื่อเสียงในเรื่องของการแต่งเพลงให้กับศิลปินแบบโดยเฉพาะ ซึ่งเราอยากทราบจุดเริมต้น และจั้นตอนของการตัดสินใจในการแต่งแบบนี้ค่ะ


ตามจริงผมเคยใฝ่ฝันเพื่อเป็นมือกีตาร์ จึงสร้างวงแบนด์ตั้งแต่เด็กแล้วพอเล่นนานๆ ก็เกิดมีความสนิมสนมกับเพลงมากขึ้น และด้วยโอกาสบังเอิญผมก็ได้เปลี่ยนสายเป็นการแต่งเพลงครับ ในช่วงนั้นผมได้เข้าทำงานในวงการเพลงทั้งๆ ที่ยังไม่เก่งพอ จึงแต่แต่งเพลงที่ผมทำได้ มากกว่าการแต่งเพลงที่สังคมต้องการครับ เพลงผมอยากจะแสดงออกมา มันเข้าได้ดีกับไม่กี่แนวเพลง ศิลปินที่ผมให้เพลงจึงเป็นแค่คนที่อยู่ในแนวเพลงนั้นเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าผมไม่ได้แต่งเพลงเพื่อศิลปินแบบโดยเฉพาะ แต่มันคือการหาศิลปินที่สามารถร้องสไตล์เพลงของผมได้ พอเป็นแบบนี้มันทำให้ผมเป็น Dilemma และแรงจูงใจในการแต่งเพลงก็หายไปหมดเลยครับ ถึงจะมีเพลงที่ผมชอบก็ตาม ถ้ามันออกนอกเขตที่ผมแสดงออกมาได้ ผมจะสามารถทำเพลงนั้นต้อไปได้ และด้วยเหตุนี้มันจะทำให้ผมแต่งเพลงที่ฝ่ายนักร้องไม่ต้องการด้วยซ้ำ ซึ่งมันเป็นผลลบทั้งสองฝั่งอย่างแน่นอน

ผมจึงตกอยู่ใน Dilemma และมีอารมณืแปรปรวนมาประมาณ 1ปี และในที่สุด ผมก็ได้สำนึกว่าผมต้องบาลานซ์ ‘เพลงที่เราทำได้’ ’เพลงที่เราอยากทำ’ และ ’เพลงที่เราต้องทำ’ ครับ

‘เพลงที่เราทำได้’ คือส่วนของความสามารถของเรา ’เพลงที่เราอยากทำ’ คือความต้องการของเรา และ ’เพลงที่เราต้องทำ’ คือเพลงที่สังคมต้องการครับ ซึ่งผมได้ประกอบ 3สิ่งประการนี้เพื่อความสมดุล และเริ่มแต่งเพลงใหม่ในปีค.ศ. 2000 ครับ ซึ่งตั้งแต่ปีนั้นวิธีแต่งเพลงของผมก็ถูกเปลี่ยนไปเลย อย่างเช่นเพลง ‘As Time Goes By’ ของ Yoon Mi Rae เป็นเพลงแรกที่ผมทำในปีนั้น ซึ่งผมไม่ได้แต่งโดยการเน้นแนวเพลง หรือเรฟเฟอเร้นเป็นพิเศษ แต่แต่งด้วยจินตนาการต่างๆ พร้อมกับเสียงใสๆ ของนักร้องเป็นพื้นหลังครับ ผมได้รวมสิ่งประกอบที่สำคัญเช่น ความรู้สึกที่ได้จากเสียง ระดับเสียงที่เหมาะกับนักร้องที่สุด และการเรียบเรียงเพลงครับ ฉะนั้นการแต่งเพลงสำหรับศิลปินแบบโดยเฉพาะของผมคือ การแต่งเพลงที่ตั้งเสียงของนักร้องให้เป็นเจ้าของของเพลง จากนั้นค่อยเลือกแนวเพลง และทำนองเพลงครับ

ผมจะไม่ค่อยฟังเพลงมาก เพราะผมจะได้แรงจูงใจจากการฟังเพลงของคนอื่น และได้รับอิทธิพลทางด้านเพลง แล้วก็จะทำตามครับ ดังนั้นการไม่ฟังเพลงของคนอื่นจะช่วยให้ผมมีจินตนาการได้อย่างสร้างสรรค์ และทำเพลงออกมาได้ดีกว่าครับ


Q3. เราคิดว่าหลายคนชอบฟังเพลงของคุณเพราะมันมีเพลงที่เทรนดี้อย่างมากมายค่ะ ซึ่งเราจะทราบว่าคุณแต่งเพลงเทรนดี้เหล่านี้ได้ยังไง ทั้งๆ ที่คุณไม่ค่อยจะฟังเพลงของศิลปินอื่นๆ คะ


คำว่าเทรนด์ที่ผมคิดคือ… สมมติว่าถ้ามันมีเพลงนึงที่ฮิตปีที่แล้ว มันจะไม่เป็นเทรนด์ของปีนี้ครับ

สำหรับผมเทรนด์เป็นสิ่งที่แต่งจากเมื่อวาน และต่างในวันนี้ด้วย แต่เราเห็นความแตกต่างที่กำลังเปลี่ยงแปลงไม่ได้เท่านั้นครับ ดังนั้นจริงแล้วๆ เมื่อเราพูดคำว่า‘เทรนด์’มันไม่ใช้เทรนด์แล้วครับ ฉะนั้นนอกจากการแต่งเพลงที่กำลังฮิตสำหรับ งาน หรือ โปรเจคเป็นโดยเฉพาะ ผมจะไม่แต่งเพลงโดยการไล่ตามเทรนด์ตลอดครับ เพราะรากฐานในการแต่งเพลงของผมจะมาจากเสียงของนักร้องเสมอครับ ส่วนที่บอกว่าเพลงผมมันดูเทรนดี้ มันคงจะเป็นเพราะเสียงของนักร้องที่ซึมซับดีในเพลง พร้อมกับแฟชั่น หรือสไตล์แต่งตัวที่เหมาะกับบรรยากาศโดยรวมครับ ซึ่งตามที่เห็นผมจะพยายามเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ เพราะผมคิดว่าอิทธิพลที่มาจากภายนอกเพลงก็มีความสำคัญอย่างมากครับ


Q4. อย่างที่ทราบกันว่าคุณแต่งเพลงให้กับกลุ่มไอดอลด้วย ทีนี้จุดแตกต่างในด้านของแนวเพลงไอดอลคืออะไรคะ


เมื่อเปรียบเทียบกับแนวเพลงอื่นๆ เพลงไอดอลจะมี Stardardization หรือการกำหนดมาตรฐาน

มากกว่าครับ ถ้าให้อธิบายง่ายๆ ผมอยากให้นึกถึงชิ้นเลโก้(Lego)ซึ่งเป็นมาตรฐานในชิ้นส่วนของมัน แต่ผลที่ตามมา มันแล้วแต่ว่าเราจะรวมชิ้นส่วนมาเป็นผลงานยังไงครับ ดังนั้นผมจึงแสดงเพลงไอดอลว่ามันเหมือนการต่อเลโก้ครับ แต่มาตรฐานการแต่งเพลงไอดอลนี้จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เพราะกระแสของรุ่นใหม่ๆที่เกิดใหม่เสมอ อย่างไรก็ตามเพลงไอดอลจะมีสไตล์ที่แตกแต่งจากนักร้องที่ร้องในแนวเพลงแบบเน้นอารมณ์ เพราะมันต้องมีขั้นตอนในการแต่งแบบโดยเฉพาะครับ


Q5. เราเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่านักร้องที่ร่วมทำเพลงกับคุณ มักจะเจอจุดเปลี่ยนทางด้านเพลง อย่างเช่น Oak Joo Hyun ที่เปลี่ยนแนวเพลงของเธอหลังจากที่ปล่อยเพลงโซโล่1 ให้เป็นแนวที่เน้นเพลงคลาสสิค จากนั้นเธอได้เติบโตในวงการมิวสิคัลได้อย่างสำเร็จ และเป็นนักแสดงมิวสิคัลอันดับต้นในเกาหลีจนถึงวันนี้ ซึ่งเราอยากจะทราบเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นค่ะ


เราเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่านักร้องที่ร่วมทำเพลงกับคุณ มักจะเจอจุดเปลี่ยนทางด้านเพลง อย่างเช่น Oak Joo Hyun ที่เปลี่ยนแนวเพลงของเธอหลังจากที่ปล่อยเพลงโซโล่1 ให้เป็นแนวที่เน้นเพลงคลาสสิค จากนั้นเธอได้เติบโตในวงการมิวสิคัลได้อย่างสำเร็จ และเป็นนักแสดงมิวสิคัลอันดับต้นในเกาหลีจนถึงวันนี้ ซึ่งเราอยากจะทราบเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นค่ะ

ในช่วงนั้นคุณ Oak Joo Hyun มีใจที่อยากจะเริ่มมิวสิคัล แต่มันไม่มีงานไหนที่เราอยากทำแล้วจะทำได้เลย ผมจึงคุยกับเธอว่าผมจะร่วมการทำอัมบั้มแรกของเธอ และแต่งเพลงที่ยืนยันความสามารถของเธอในด้านมิวสิคัลได้ และผมก็ได้บอกว่ามันจะเป็นผจญภัยที่ไม่ง่ายแน่นอนครับ ตอนนั้นผมไม่แน่ใจว่าเพลงแนวมิวสิคัลที่เธอร้องจะเป็นที่ยอมรับ และชอบของผู้ฟังหรือเปล่า อย่างไรก็ตามมันคือโอกาสที่สามารถได้รันพิสูจน์จากผู้คนได้ ผมจึงแต่งเพลงที่ชื่อ ‘Nan’ ซึ่งเป็นเพลงที่แทรกแนวมิวสิคัลในเพลงแบบเดิมครับ ที่จริงแล้วการที่นำเพลงนี้มาปล่อยเป็นไตเติ้ลแทร็กเป็นการเสี่ยงมากๆ ฉะนั้นถึงอัลบั้มนั้น และเพลงไม่ได้เป็นที่1 จากรายการเพลงก็ตามแต่เราสองคนแน่ใจว่าเราทำได้ตามเป้าหมายครับ อย่างเช่นนี้ทุกๆ อัลบั้มจะมีการเสี่ยง และโอกาสด้วยกัน ผมจึงชอบการทำแต่งกับศิลปินที่กำลังยืนอยู่บนจุดเปลี่ยนแปลง แล้วก็ทำงานกับนักร้องที่ต้องการความช่วยเหลือในการเปลี่ยนแนวเพลงอีกด้วยครับ




Q6. จากรายการทีวีต่างๆ เรามักจะเห็นโปรดิวเซอร์หลายคนที่คุยเกี่ยวกับเพลงที่แต่งไว้ล่วงหน้า ซึ่งอย่างที่ทราบกันว่าคุณจะแต่งเพลงโดยการรับแรงจูงใจจากเสียงของนักร้องก่อน ดังนั้นเราคาดคิดได้วาการแต่งเพลงล่วงหน้าเหมือนโปรดิวเซอร์อื่นๆ คงไม่ง่าย ส่วนมากคุณแต่งเพลงยังไงบ้างคะ


อย่างแรกเลย ตอนนี้ผมทำงานเป็นฟรีแลนเซอร์อยู่ครับ ฉะนั้นผมจะทำงานเมื่อได้รับคำขอมันจึงเป็นเรื่องแน่นอนที่ผมแต่งเพลงแบบนี้ได้ครับ ถ้างานไม่เค้าผมคงทำงานนี้ต่อไปไม่ได้ครับ(หัวเราะ)

แต่ด้วยความขอบคุณผมยังทำงานอยู่อย่างต่อเนื่องเพราะมีงานเข้าจากหลากหลายที่ แล้วเมื่อก่อนผมใช้เวลานานมากๆ ตอนแต่งเพลง เพราะผมยังไม่ค่อยมีความเชี่ยวชาญ และตอนนี้ผมก็เรียนต่อไปเพื่อพัฒนาตนเอง แต่สมัยนั้นผมมักจะ’ทำเพลงที่ทำเป็น’ ให้กับศิลปินครับ

อย่างไรก็ตามหลังจากปี ค.ศ. 2000 ที่ผมเปลี่ยนกลไก ผมได้มีอิสระในการแต่งเพลง ซึ่งจริงๆ คำตอบที่ผมได้คือ เพลงที่ผมทำได้ และ เพลงที่ผมทำไม่ได้ ซึ่งถ้าจำเป็นผมต้องเรียนแนวเพลงนั้นๆ หรืออาจจะต้องเริ่มเรียนประเภทแนวเพลงใหม่หมดเลย แต่มันน่าแปลกใจมันที่ผมรู้สึกมีอิสระระหว่างการทำครับ

ผมจะยกตัวอย่างง่ายๆนะครับ มีเพลงนึงของคุณ Sung Si-Kyung We ชื่อว่า ‘Match Quite Well’ ครับ เพลงนี้เป็นแนวLa Bamba ที่เป็นอารมณ์สดชื่น ฉะนั้นต้องเข้าลักษณะของมันครับ แล้วพอมีเวลาก็จะเรียนรู้ลักษณะของแนวเพลงนี้ ก่อนที่มันใช้เครื่องดนตรี หรือคอร์ดและคิดในหัวตลอดครับ พอผมได้เรียบเรียงลักษณะเหล่านี้แล้ว ผมจะหานักร้องที่มีเสียง หรือ ภาพที่เหมาะ แล้วพอผมนึกถึงนักร้องที่แมทช์ การแต่งเพลงแบบโดยเฉพาะจะเริ่มต้นครับ สำหรับผมวิธีนี้จะทำให้ผมทำเพลงได้เร็วกว่า ดังนั้นสมมติว่าผมใช้ 3อาทิตย์ในการหานักร้อง บางครั้งเวลาแต่งเพลงจะใช้ไม่กี่นาที่ด้วยซ้ำครับ มันอธิบายยากนิดนึงแต่ ขั้นตอนแต่งเพลงของผมไม่ใช้การทำเพลงแล้วค่อยเติมทำนอง หรือจังหวะ แต่เป็นคือการที่แสดงทุกอย่างที่ผมรู้มาแมทช์กับนักร้องที่เหมาะสมจากนั้นก็จะเริ่มทำเพลงในครั้งเดียวเลยครับ ดังนั้นผมจะใช้เวลาในการเรียนรู้ลักษณะที่ชาวยแต่งเพลงมากกว่าการโฟกัสทางด้านเพลงครับ




Q7. จากหลากหลายเพลงที่คุณแต่งมาจนถึงวันนี้ คุณมีเพลงที่หวงเป็นพิเศษไหมคะ


ผมได้คำถามนี้มาบ่อยมากๆ เลยครับ (หัวเราะ) ทุกเพลงที่ผมแต่งในช่วงนั้นมีเรื่องราว และความรู้สึกที่เปล่งออกมาไม่เหมือนกัน มันก็เลยบอกยากว่าเพลงไหนเป็นเพลงโปรด แต่ให้ผมเล่าเพลงที่ผู้ปลื้มใจเป็นพิเศษก็แล้วกันครับ

เพลงแรกที่ผมนึกถึงคือ เพรงของคุณ Yoon Mi Rae ‘As Time Goes By’ กับคุณ Baek Ji Young ‘I Won’t Love’ ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนแปลงด้านแนวเพลง แล้วก็โปรเจ็ค ‘Anymotion’ ที่ผมได้ร่วทำงานกับ ซัมซุงAnycall ครับ โดยเฉพาะโปรเจ็คเพลง Anymotion เป็นการเปลี่ยนรูปลักษณ์ของผู้สูงอายุที่เคยใช้มือถือรุ่น Anycall ให้กลายเป็นคอนเซปต์สำหรับรุ่นใหม่ ทำให้มีผลตอบรับที่รุ่นใหม่หันมาใช้บริการ ผมจึงจำโปรเจ็คนี้ได้เพราะมันมีความหมายมากๆ เลยครับ



แล้วก็ยังจดจำเพลง ‘Meet You Among Them’ ที่เป็นชื่อไตเติ้ลอัลบั้มครบรอบ30ปี ของคุณ Lee Sun Hee อยู่ด้วยครับ สำหรับผมเวลาที่นักร้องได้เจอจุดเปลี่ยนแปลงด้วยอิทธิพลเพลง จะทำให้ผมรู้สึกปลื้มครับ




Q8. ใน 1วัน คุณทำอะไรบ้างคะ


ล่วงเช้าผมจะพักสักพัก หรือออกกำลังกาย แต่ส่วนใหญ่ผมจะนั่งหน้าคอมแล้วหาข้อมูลในการแต่งเพลงครับ ตามที่บอกไปล่วงหน้ามันคือการคิดหลายอย่างในสมองครับ ส่วนช่วงบ่ายผมจะเข้าประชุมครับ เพราะผมทำโปรเจ็คพร้อมๆ มาเกือบ 20ปี เลยชินกับการใช้ชีวิตแบบนี้ครับ แต่ผมก็พักบ้างในทุกๆ สุดสัปดาห์ครับ(หัวเราะ)


Q9. คุณมีงานอดิเรก หรือมีสิ่งที่สนใจที่ชอบทำนอกเหนือจากการทำงานไหมคะ และเคล็ดลับในการพักผ่อนของคุณคืออะไรคะ


ในวันที่ผมไม่แต่งเพลง ผมก็จะดูหนังเป็นส่วนมากครับ เพราะผมแทบจะไม่ฟังเพลงผมจึงชอบดูหนังครับ หนังเป็นสิ่งที่ผมชอบมาตั้งแต่เด็ก ในช่วงเรียนจึงไปที่อีเวนต์บ้าง และส่วนตัวผมได้แรงบันดาลใจจากการชมหนังครับ

ยังไม่มีหนังพิเศษใดที่ให้แรงบันดาลในการแต่งเพลงหนึ่งๆ แบบโดยเฉพาะ แต่ผมคืดว่าทุกๆ หนังที่ผมดูมาเป็นอิทธิพลต่อหลายเพลงของผม เพราะผมจะวิเคราะห์ทั้งการแสดงอารมณ์ และการเปลี่ยนแปลงของเรื่องตั้งแต่เริ่มจนจบของแต่ละหนังครับ ดังนั้นผมจึงดูหนังบ่อยๆ ครับ ผมไม่มีแนวหนังที่ชอบเป็นพิเศษ แต่ผมจะดูหนังเดิมซ้ำๆ บางครั้งก็มากสุด 10ครั้งด้วย และล่าสุดก็พึ่งไปดู ‘Catch Me If You Can’ อีกครั้งครับ



<ติดตามบทสัมภาษณ์ ตอนที่② ต่อไปค่ะ>



- Park Geun Tae -

* เดบิวต์: ปี ค.ศ.1994 วงRoo’Ra- 100th day (แต่งเพลง)

* ผลงานหลัก


<ผลงานแต่งเพลง>

- ปี1996 So Chan Whee- Chance to farewell

- ปี1997 Cool- 送人/ SECHSKIES- The Way This Guy Lives, Remember me

- ปี 1998S#ARP-lying

- ปี 2001 S#ARP- Sweety/ To-ya- Look

- ปี 2002 Jewelry- Again

- ปี 2003 Brown Eyed Soul- Did We Really Love?/ KCM-I know

- ปี 2004 Park Sang Min- Sunflower/ SG Wannabe- Timeless/ M to M- Three Words/ Cho PD- Dear Friend/신화 - Brand New

- ปี 2005 Jewelry- Superstar/ Lee hyori, Eric- Anymotion/ Lee Hyori- Anyclub

- ปี 2006 Baek Ji-Young- I Won’t Love

- ปี 2007 IVY- Sonata Of Temptation, If You’re Gonna Be Like This, Cupido/ Wheesung- Love is Delicious

- ปี 2008 Lee Hyori- Hey Mr.Big

- ปี 2009 Davichi-I Made An Accident/ IVY- Goodbye Tears

- ปี 2012 IU- End Of The Day/ Son Seung-Yeon- My Heart, My Heart

- ปี 2018 Red Velvet- Cause it’s you

- ปี 2019 Hong Jin Yeong- Love Is...

<ผลงานแต่ง/จัดเรียงเพลง>

- ปี 1997 ECO- Happy Me

- ปี 1998 ECO- Last Love

- ปี 1999 S#ARP- Tell me Tell me/ Roo’ra- Moving

- ปี 2000 Tashannie- Warning

- ปี 2001 Yoon Mi Rae- As Time Goes By / S#ARP- My Lips…Like Warm Coffee

- ปี 2002 Sung Si Kyung- We Make A Good Pair/ Yoon Mi Rae- Memories

- ปี 2003 Oak Joo Hyun- Troublousness/ Jewelry- I Really Like You

- ปี 2007 Yangpa- Love…What is it

- ปี 2014 Lee Sun Hee- Meet Him among Them

- ปี 2016 Suzy, Baekhyun- Dream/ Ailee- If You/ Monster X- Fighter

- ปี 2017 Lena Park- Counting/ Eric Nam,Cheese- Perhaps Love

- ปี 2019 Sunny Hill- Nom Nom Nom

* รางวัล

- ปี 2004 Sports Seoul:โปรดิวเซอร์แห่งปี

- ปี 2003 SBS Gayo Daejun: นักแต่งเพลงแห่งปี

- ปี 2003 Seoul Music Awards:นักแต่งเพลงที่ยอดเยี่ยม(Composition Award)

- ปี 2002 SBS Gayo Daejun:นักแต่งเพลงแห่งปี

- ปี 2002 Seoul Music Awards:โปรดิวเซอร์ที่ยอดเยี่ยม(Producer Award)



<จัดเรียงบทความโดย Musician Times>


#MusicianTimes #ศิลปิน #บทสัมภาษณ์ #ParkGeunTae #นักแต่งเพลงParkGeunTae #นักแต่งเพลง #จัดเรียงเพลง #โปรดิวเซอร์

bottom of page